วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คุณลักษณะเฉพาะเครื่องปรับอากาศ

      มีหลายครั้งที่มีคำถามเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพาะเครื่องปรับอากาศตามบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์ของสำนักงบประมาณ ที่กำหนดไว้ว่า "เครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศ ที่สามารถดักจับอนุภาคฝุ่นละอองและสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้"  วันนี้ มีคำตอบค่ะ
              โดยสำนักงบประมาณได้มีคำตอบไว้ดังนี้ค่ะ
              "รายการเครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศ หมายถึง ระบบฟอกอากาศที่ติดตั้งมาพร้อมเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีหลายระบบ คือ ระบบแบบใช้แผ่นกรองอากาศ (Filtration) ระบบแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Precipitator) และระบบการปล่อยประจุไฟฟ้า (Ionizer) เพื่อดักจับอนุภาคฝุ่นละออง ซึ่งจากการตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบันของเครื่องปรับอากาศ แบบระบบฟอกอากาศตามเกณฑ์ราคามาตรฐานครุภัณฑ์ที่กำหนด ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2555 เกณฑ์ราคาดังกล่าว ยังสามารถจัดหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป เช่น ยี่ห้อ Amena air , Uni-air , Trane , Central air เป็นต้น"  ( (23 เม.ย. 2555)
              
                และได้มีการให้คำตอบเพิ่มเติม (23 ก.ค.2555)  ไว้ดังนี้
               "ตามบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ของสำนักงบประมาณ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2555 
รายการเครื่องปรับอากาศได้กำหนดคุณลักษณะเฉพาะเป็นเครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศ
ที่สามารถดักจับอนุภาคฝุ่นละออง และสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ ซึ่งหมายถึงเครื่องปรับอากาศ
ที่มีการติดตั้งระบบฟอกอากาศไว้ภายในเครื่อง โดยติดตั้งสำเร็จรูปจากโรงงาน ซึ่งการทำงานของระบบฟอกอากาศ แบ่งได้เป็น 2 ระบบ คือ ระบบแผ่นฟอก (ตะแกรงประจุ) โดยใช้แผ่นกรองอากาศที่สามารถดักจับ
ฝุ่นละอองได้ และระบบพ่นอนุภาคไฟฟ้าออกมานอกเครื่อง เป็นการปล่อยประจุไฟฟ้า lonizer เพื่อดูดจับ
อนุภาคฝุ่นละออง และสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้
หน่วยงานราชการสามารถจัดซื้อเครื่องปรับอากาศ
ได้ทั้ง 2 ระบบ แล้วแต่ตามความจำเป็นและเหมาะสมในการ
ใช้งาน และต้องจัดหาภายในกรอบวงเงิน
ตามบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ที่สำนักงบประมาณกำหนด"

              

ที่มา : กระดานถาม-ตอบ สำนักงบประมาณ http://www.bb.go.th/BBfaq/asp/extn/asp/default.asp




      

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ค้นหาเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลัก ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล


              เมื่อคราวที่แล้วได้นำเสนอการสืบค้นข้อมูลเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลัก ของผู้ขาย
นิติบุคคล ซึ่งจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ว่าให้ตรวจสอบได้ที่  http://www.rd.go.th/publish/313.0.html นั้น
วันนี้จะแนะนำอีกเว็บไซต์ที่สามารถสืบค้นข้อมูลเลขภาษีใหม่ของผู้ขายได้ทุกประเภท แต่ยังคงเป็น
เว็บไซต์ของสรรพากรเช่นเดิม แต่เปลี่ยนเป็น
http://tinreg.rd.go.th/findNID/FindingNIDMain_new.asp
         
               จะพบหน้าจอดังรูปที่ 1

 


รูปที่ 1  แสดงหน้าจอสืบค้นข้อมูล   (สามารถคลิกที่รูปเพื่อดูรูปขยายได้)

                   แล้วจึงเลือกค้นหาข้อมูล ตัวอย่างเช่น ต้องการค้นเลขภาษี 13 หลักของ ห้างหุ้นส่วนสามัญ 
สะอาดเซอร์วิส   เลขภาษี 10 หลัก คือ 2530010122



รูปที่ 2  แสดงตัวอย่างการระบุข้อมูลที่ต้องการค้นหา   (สามารถคลิกที่รูปเพื่อดูรูปขยายได้)



หมายเหตุ  การระบุชื่อ ไม่ต้องระบุทั้งหมด ควรระบุเพียงบางส่วน เพื่อความถูกต้อง
                        และสะดวกต่อการค้นหา

                ระบบจะแสดงผลการสืบค้น ดังรูป



รูปที่ 3  แสดงผลการสืบค้นข้อมูล   (สามารถคลิกที่รูปเพื่อดูรูปขยายได้)


                

มาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ.2556

            มาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ในส่วนที่น่าสนใจที่จะนำเสนอ
ให้เจ้าหน้าที่พัสดุได้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ ที่สำคัญ ๆ ประกอบด้วย
            1. การก่อหนี้งบลงทุน  ให้ก่อหนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2556 หากไม่สามารถ
ดำเนินการได้ภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ชี้แจงปัญหาอุปสรรคพร้อมเหตุผลความจำเป็น
ในการขอผ่อนผันต่อคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ
            2. ปีงบประมาณ พ.ศ.2556 กระทรวงการคลังไม่มีนโยบายให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี
กรณีไม่มีหนี้ผูกพัน เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของงบประมาณ พ.ศ.2555 และเงินที่ได้รับอนุมัติ
ให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินก่อนปีงบประมาณ 2555 ให้เร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่าย
ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ.2556 เนื่องจากกระทรวงการคลังจะไม่ขยายเวลา
การเบิกจ่ายเงินดังกล่าวต่อไป
            3.  ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณ
ต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) ระยะที่ 2
เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบ e-GP ระยะที่ 2 ไปรับระบบ GFMIS Web Online
โดยถือปฏิบัติตามนัยหนังสือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ ด่่วนที่สุด ที่ กค (กวพ) 0421.3/
ว 378 ลงวันที่ 24 กันยายน 2555 อย่างเคร่งครัด
           ทั้งนี้ ยังมีมาตรการอีกหลายมาตรการที่ถูกนำมาใช้ในการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงิน
ปีงบประมาณ พ.ศ.2556  ซึ่งสามารถอ่านได้ตามหนังสือของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ด่วนที่สุด ที่ นร 0506/ว 280 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 ค่ะ

ที่มา : หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0506/ว 280
          ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง ต้นปีงบประมาณ 2556

           ตามที่คณะรัฐมนตรึได้มีมติเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2555  เห็นชอบหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลาง
งานก่อสร้างที่ทบทวนและปรับปรุงใหม่  โดยในส่วนของหลักเกณฑ์การใช้ตาราง Factor F และแนวทาง
วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์กำหนดราคากลาง การคำนวณราคากลางก่อสร้าง ได้กำหนดให้
กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) กำหนดและประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ใช้เป็นเกณฑ์
ในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างทุกต้นปีงบประมาณ และระหว่างปีงบประมาณห
ากค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมประเภท MLR ของธนาคารขนาดใหญ่อย่างน้อย
3 ธนาคาร เปลี่ยนแปลงถึงร้อยละ 1
           กระทรวงการคลังจึงได้มีประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ใช้เป็นเกณฑ์
ในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง โดยกำหนดให้ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ใช้เป็นเกณฑ์การคำนวณ
ราคากลางงานก่อสร้าง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ที่อัตราร้อยละ 7 ต่อปี จนกว่าจะมีประกาศ
เปลี่ยนแปลง

ที่มา  :   หนังสือกรมบัญชีกลาง ที่ กค 0421.5/ว 128  ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2555

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ตัวชี้วัด 1.1 การเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการพัสดุ

         การเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการพัสดุ เป็นตัวชี้วัด 1.1  ในตัวชี้วัดทั้ง 6 ตัว ของมาตรฐานและตัวชี้วัดความโปร่งใสด้านการจัดหาพัสดุ (การจัดซื้อจัดจ้าง)  ตัวชี้วัดดังกล่าวพิจารณาจากการเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการพัสดุและการจัดหาพัสดุของหน่วยงาน ว่ามี หรือไม่มีการเผยแพร่ หรือไม่อย่างไร และพิจารณาจากช่องทางหรือความหลากหลายในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารนั้น ๆ
         เกณฑ์มาตรฐานการประเมิน เป็นแบบรายข้อ   ประกอบด้วย
         1.  มีการเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ณ ที่ทำการของหน่วยงาน
         2. มีการเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ณ ที่หน่วยงานอื่นในพื้นที่ใกล้เคียง
         3. มีการเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ผ่านสื่อเฉพาะกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น วิทยุชุมชน/หนังสือและจดหมายข่าวการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น
         4. มีการเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน
         5. มีการเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ
          จากเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น เกณฑ์ในข้อ 2 และ ข้อ 5 อาจจะไม่มีหน่วยงานใดได้ทำ เนื่องจากการเผยแพร่กฎหมาย ระเบียบ เป็นเรื่องที่ส่วนกลางเป็นผู้บังคับให้หน่วยงานเป็นผู้ปฏิบัติ ทุกหน่วยงานจึงได้รับข้อมูล การนำไปเผยแพร่ ณ ที่หน่วยงานอื่นในพื้นที่ใกล้เคียง หรือที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ จึงอาจไม่สามารถวัดความโปร่งใสด้านการจัดหาได้ อีกทั้งประโยชน์ที่ได้ก็ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป และสำหรับเรื่องข้อบังคับ ก็เช่นกัน มักเป็นเรื่องเฉพาะหน่วยงาน ดังนั้นการเผยแพร่ ณ ที่หน่วยงานอื่นในพื้่นที่ใกล้เคียง หรือ ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ จึงอาจไม่เกิดประโยชน์ในด้านวัดความโปร่งใสด้านการจัดหาพัสดุ

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556

          พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2556
ในส่วนของมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้งบประมาณจาก 8 แผนงบประมาณ
ประกอบด้วย
  1. แผนงานฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาค
  2. แผนงานเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว
  3. แผนงานสนับสนุนเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาเพื่อการศึกษา
  4. แผนงานสนับสนุนการจัดการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัยจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  5. แผนงานสร้างและกระจายโอกาสทางการศึกษาให้ทั่วถึงและเป็นธรรม
  6. แผนงานพัฒนาด้านสาธารณสุข
  7. แผนงานอนุรักษ์ ส่งเสริมและพัฒนาศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม
  8. แผนงานส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย
     โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2555 เป็นต้นไป  
 

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

การโอนสิทธิรับเงินในระบบ GFMIS



                    ตามหนังสือ กระทรวงการคลัง ที่ กค 0526.5/ว 110  ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2541 
กระทรวงการคลัง ได้กำหนดวิธีปฏิบัติในการจ่ายเงินค่าทรัพย์สิน ค่าจ้างทำของ และค่าเช่าทรัพย์สิน

ของส่วนราชการ กรณีที่เจ้าหนี้ (ผู้โอนสิทธิ)  ได้โอนสิทธิการรับเงินให้กับผู้อื่น (ผู้รับโอนสิทธิ)
โดยได้กำหนดหลักว่า หากมีการโอนสิทธิเรียกร้องให้ส่วนราชการสำเนาหนังสือบอกกล่าว
การโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้กับกรมสรรพากร หรือสำนักงานสรรพากรจังหวัด โดยไม่ต้อง
แจ้งการยินยอมให้กับผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องทราบ 
                    วิธีปฏิบัติข้างต้น เป็นวิธีปฏิบัติเบื้องต้น เมื่อได้รับทราบการโอนสิทธิเรียกร้อง
แต่เมื่อใช้ระบบ GFMIS  กรมบัญชีกลาง ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค 0427/ว 157  ลงวันที่
18 เมษายน 2548  เรื่อง   แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการโอนสิทธิการรับเงินในระบบ GFMIS  
จากหนังสือด่วนที่สุดดังกล่าว มีสิ่งที่เจ้าหน้าที่พัสดุจะต้องดำเนินการ และใช้แบบฟอร์ม ดังนี้
 
ตาราง 1  แสดงวิธีปฏิบัติ และเอกสารที่ต้องใช้ เกี่ยวกับการโอนสิทธิการรับเงินในระบบ GFMIS 

ผู้ขาย
ยังไม่มีอยู่ในระบบ
หรือ
มีอยู่ในระบบภายใต้รหัสหน่วยงานอื่น
มีอยู่ในระบบ
ภายใต้รหัสหน่วยงาน
ของมหาวิทยาลัยแล้ว
1.  ผู้โอนสิทธิเรียกร้อง
1.  สร้างข้อมูลหลักผู้ขาย
     (แบบ ผข.01)
2.  ขออนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย
     จากคลังจังหวัด
     (แบบขออนุมัติสร้าง
     ข้อมูลหลักผู้ขาย)
3.  ขอเปลี่ยนแปลงผู้รับเงินแทน
     (แบบขอเปลี่ยนแปลง
     ข้อมูลหลักผู้ขาย)
1.  ขอเปลี่ยนแปลงผู้รับเงินแทน
     (แบบขอเปลี่ยนแปลง
       ข้อมูลหลักผู้ขาย)
2.  ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง
1.  สร้างข้อมูลหลักผู้ขาย
     (แบบ ผข.01)
2.  ขออนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย
     จากคลังจังหวัด
     (แบบขออนุมัติสร้าง
     ข้อมูลหลักผู้ขาย)
-


เอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

            ภายหลังจากการกรอกข้อมูลต่างๆ ครบถ้วนแล้ว สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อไป คือ 
การจัดเตรียมเอกสารเพื่อส่งให้กับคลังจังหวัดเพื่อยืนยันการอนุมัติและเปลี่ยนแปลงข้อมูลหลัก
โดยจัดเตรียมเอกสาร หลักฐาน ดังนี้
            1.     ผู้โอนสิทธิ (ผู้ขายที่เป็นคู่สัญญา)  ให้แนบเอกสารและหลักฐาน ดังนี้

ตาราง 2  แสดงเอกสารและหลักฐานประกอบแบบขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลหลักผู้ขายของผู้โอนสิทธิ

กรณียังไม่มีอยู่ในระบบ
หรือ
มีอยู่ในระบบภายใต้รหัสหน่วยงานอื่น
กรณีมีอยู่ในระบบภายใต้รหัสหน่วยงาน
ของมหาวิทยาลัยแล้ว
1.  แบบ ผข.01
2.  แบบขออนุมัติสร้างข้อมูลหลักผู้ขาย
3.  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (กรณี
     เป็นบุคคลธรรมดา)/สำเนาบัตรผู้เสียภาษี
     หรือ ภ.พ.20 (กรณีเป็นนิติบุคคล)
4.  สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ (กรณีเป็นบุคคล
     ธรรมดา)/สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน
     (กรณีเป็นนิติบุคคล)
5.  สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร, เอกสาร
     ทางธนาคารที่มีเลขที่บัญชีเงินฝากของผู้ขาย
6.  แบบขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลหลักผู้ขาย
7.  สำเนาสัญญาการโอนสิทธิการรับเงิน
     หรือหนังสือบอกกล่าการโอนสิทธิเรียกร้อง
8.  สำเนาสัญญาซื้อขาย/สัญญาจ้าง ที่ระบุ
     เลขที่บัญชีเงินฝาก สำหรับให้คลังจังหวัด
     โอนเงินค่าสินค้าและบริการ
1.  แบบขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลหลักผู้ขาย
2.  สำเนาสัญญาการโอนสิทธิการรับเงิน
     หรือหนังสือบอกกล่าการโอนสิทธิเรียกร้อง
3.  สำเนาสัญญาซื้อขาย/สัญญาจ้าง


            2.     ผู้รับโอนสิทธิ (ผู้ขายที่เป็นผู้รับเงินแทน)  ให้แนบเอกสารและหลักฐาน เช่นเดียวกับ
ผู้โอนสิทธิ ดังตารางข้างต้น  แต่ทว่า หากผู้รับโอนสิทธิมีความประสงค์จะขอรับโอนสิทธิการรับเงิน
เข้าบัญชีเงินฝากที่ไม่มีอยู่ในระบบ ก็จะต้องแนบแบบขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลหลักผู้ขายแต่หากเป็น
บัญชีที่อยู่ในระบบแล้วก็แนบเพียงแค่ข้อ 1 ถึง ข้อ 5 (ตารางด้านซ้าย)  เท่านั้น

หมายเหตุ
                     1.    การจัดทำใบสั่งซื้อ/จ้าง/เช่า (PO)  จะต้องระบุรหัสผู้ขายและบัญชีเงินฝากธนาคาร
ของผู้ขายที่เป็นคู่สัญญา
                    2.    ผู้ขายทั้งสองราย  (ผู้โอนสิทธิ และผู้รับโอนสิทธิ)  จะต้องเป็นผู้ขายที่ได้รับการอนุมัติ
และยืนยันแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถเบิกจ่ายเงินได้

การพัสดุ กับอากรแสตมป์



         "การพัสดุ" หมายถึง การจัดทำเอง การซื้อ การจ้าง การจ้างที่ปรึกษา การจ้างออกแบบและควบคุมงาน การเปลี่ยน การเช่า การควบคุม การจำหน่าย และการดำเนินการอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ซึ่งในที่นี้ จะได้นำเสนอเฉพาะเรื่องของการจ้างเท่านั้นและก่อนอื่น เราต้องศึกษาความหมายของการจ้างที่มีอยู่ในระเบียบเสียก่อน ได้แก่ความหมายของ การจ้าง การจ้างที่ปรึกษา และการจ้างออกแบบและควบคุมงาน ดังนี้
               "การจ้าง" ให้หมายความรวมถึง การจ้างทำของ และการรับขน ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์
และการจ้างเหมาบริการ แต่ไม่รวมถึง การจ้างลูกจ้างของส่วนราชการ ตามระเบียบของกระทรวงการคลัง การรับขน 
ในการเดินทางไปราชการ ตามกฎมาย ว่าด้วยค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปราชการ การจ้างที่ปรึกษา การจ้างออกแบบ
และควบคุมงาน และการจ้างแรงงาน ตามประมวลกฎมายแพ่งและพาณิชย์
             "การจ้างที่ปรึกษา" หมายความว่า การจ้างบริการจากที่ปรึกษา แต่ไม่รวมถึง การจ้าง ออกแบบและควบคุม 
งานก่อสร้างอาคาร ด้วยเงินงบประมาณ
           "การจ้างออกแบบและควบคุมงาน" หมายความว่า การจ้างบริการ จากนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา
ที่ประกอบธุรกิจบริการ ด้านงานออกแบบ และควบคุมงานก่อสร้างอาคาร ด้วยเงินงบประมาณ

กฎหมายใดที่ระบุให้ปิดอากรแสตมป์
             เมื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม อาทิเช่น ตกลงราคา สอบราคา ประกวดราคา วิธีพิเศษ หรือแม้กระทั่งวิธีกรณีพิเศษก็ตาม เมื่อเราทำใบสั่งจ้าง ข้อตกลงจ้าง หรือสัญญาจ้าง สิ่งที่จะต้องดำเนินการคือ การปิดอากรแสตมป์ตาม พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร พุทธศักราช 2481" หมวด 6 อากรแสตมป์  ค่าอากรแสตมป์/ผู้ที่ต้องเสียอากร/ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์

ลักษณะแห่งตราสาร
ค่าอากรแสตมป์
ผู้ที่ต้องเสียอากร
ผู้ที่ต้องขีดฆ่าแสตมป์
4. จ้างทำของ
ทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท แห่งสินจ้างที่กำหนดไว้
หมายเหตุ
(1) ถ้าในเวลากระทำสัญญาจ้างทำของไม่ทราบจำนวนสินจ้างว่าเป็นราคาใด ให้ประมาณจำนวนสินจ้างตามสมควรแล้วเสียอากรตามจำนวนสินจ้างที่ประมาณนั้น
(2) ถ้ามีการรับเงินสินจ้างเป็นคราว ๆ และอากรที่เสียไว้เดิมยังไม่ครบ ให้เสียอากรเพิ่มเติมให้ครบตามจำนวนที่ต้องเสียทุกครั้งในทันทีที่มีการรับเงิน
(3) เมื่อการรับจ้างทำของได้สิ้นสุดลงแล้ว และปรากฏว่าได้เสียอากรเกินไป ให้ขอคืนตามมาตรา 122 ได้
ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร
s สัญญาที่ทำขึ้นนอกประเทศไทยและการปฏิบัติตามข้อสัญญานั้นมิได้ทำในประเทศไทย
1 บาท
ผู้รับจ้าง
ผู้รับจ้าง
             จากตาราง เราจะเห็นได้ว่า หากเราจ้างทำของ เราจะต้องติดอากรแสตมป์ 1 บาท ของทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท โดยให้ผู้รับจ้างเป็นผู้เสียอากรและเป็นผู้ขีดฆ่าแสตมป์ แต่เราก็สามารถขีดฆ่าแทนได้เช่นกัน เพราะวรรคท้ายของมาตรา 107 ของพระราชบัญญัติกำหนดว่า ให้ผู้ทรงตราสารหรือผู้ถือเอาประโยชน์ขีดฆ่าแทนได้ ทั้งนี้ เรา"ขีดฆ่า" เพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีก อาจโดยการลายมือชื่อหรือลงชื่อห้างร้านบนแสตมป์ หรือขีดเส้นคร่อมฆ่าแสตมป์ที่ปิดทับกระดาษ และลงวัน เดือน ปี ก็ได้

วิธีการคิดค่าอากรแสตมป์
                เรารู้แล้วว่าจะต้องติดอากรแสตมป์ 1 บาท ของทุกจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือที่เราพูดกันติดปากว่า ติดอากร พันละ 1 บาท) วิธีคิดก็คือ นำจำนวน 1,000 หารวงเงินที่จ้าง ตัวอย่างเช่น เราจ้าง 20,000 บาท หารด้วย 1,000 ก็จะได้เท่ากับ 20 บาท แต่มีวิธีที่ง่าย ๆ ก็คือ เราตัดตัวเลขสามตัวหลังเครื่องหมาย , ออกไป ในที่นี้คือ เลข 0 เราก็จะได้ราคาอากรแสตมป์ที่เราจะติดแล้ว หากมีเศษ เราก็ติดเพิ่มเข้าไป 1 บาท เท่านี้เราก็ปิดอากรแสตมป์ไม่ขาดแล้ว

การจ้างตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป
                กรณีที่งานจ้างเป็นการจ้างที่มีวงเงินไม่ถึงสองแสนบาท ให้ติดอากรแสตมป์ แต่ถ้าสองแสนบาทขึ้นไป ให้ไปซื้อตราสารที่สรรพากร  เป็นการปฏิบัติตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 37) เรื่อง กำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากร สำหรับตราสารบางลักษณะ ประกาศ ณ วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2538  (แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ ๕๔) ใช้บังคับ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป) ซึ่งมีข้อที่เกี่ยวข้องกับการจ้าง ดังนี้
              ข้อ 2 ให้กำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์ตามมาตรา 103(3) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับตราสารแห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ท้ายหมวด 6 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร (3) จ้างทำของ เฉพาะที่รัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหาร ราชการส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ว่าจ้างและมีสินจ้างตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป ตามลักษณะแห่งตราสาร 4. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์
                          ข้อ 3 วิธีเสียอากรเป็นตัวเงิน (3) สำหรับตราสารตามข้อ 2(3) ให้ผู้รับจ้างชำระอากรเป็นตัวเงิน แทนการปิดแสตมป์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ โดยต้องนำตราสารมาสลักหลังตาม ระเบียบของกรมสรรพากรก่อนกระทำตราสาร หรือภายใน15 วันนับแต่วันถัดจากวัน กระทำตราสารนั้น
                         กล่าวโดยสรุปก็คือ หากมีการจ้างทำของ ที่มีวงเงินตั้งแต่ 200,000.- บาทขึ้นไป เฉพาะที่รัฐบาล องค์การ
ของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ว่าจ้าง ให้ผู้รับจ้างชำระอากรเป็นตัวเงิน แทนการปิดแสตมป์ ภายใน 15 วัน ซึ่งหากล่าช้า ผู้รับจ้างจะต้องเสียเงินเพิ่ม ดังนี้
                         - กรณีไม่เกิน 90 วัน เสียเพิ่ม 2 เท่า
                         - กรณีเกิน 90 วัน เสียเพิ่ม 5 เท่า
                    ในกรณีที่ผู้รับจ้างไปชำระอากรเป็นตัวเงินกับสรรพากรนั้น ทางสรรพากรจะดูจากใบเสนอราคา แล้วหักภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี) เพื่อให้ได้มูลค่าสินค้าที่แท้จริง แล้วจึงคำนวณค่าอากร

                                ศึกษา เพิ่มเติมได้ที่ http://www.rd.go.th/publish/2593.0.html
แหล่งอ้างอิง       1. พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรพุทธศักราช 2481 หมวด 6
2. บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ท้ายหมวด 6
3. ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 37) เรื่อง กำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากร สำหรับตราสารบางลักษณะ download เอกสารได้ที่นี่
4. แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ ๕๔) ใช้บังคับ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป

หน่วยนับในระบบ GFMIS และระบบ e-GP



หน่วยนับ/หน่วยสั่งซื้อ
ข้อความของ
หน่วยการวัด
หน่วยนับ/หน่วยสั่งซื้อ
ข้อความของ
หน่วยการวัด
หน่วยนับ/หน่วยสั่งซื้อ
ข้อความของ
หน่วยการวัด
'
นิ้ว
KMH
กิโลเมตรต่อชั่วโมง
PPT
อัตราส่วนล้านล้าน
"2
ตารางนิ้ว
KMN
เคลวิน/นาที
PRD
งวด
"3
ลูกบาศก์นิ้ว
KMS
เคลวิน/วินาที
PRS
คน
%O
ต่อ mille
KPA
กิโลปาสคาล
PT
ไพนท์, หน่วยวัดขนาดของเหลว US
A/V
ซีเมนส์ต่อเมตร
KVA
กิโลโวลต์แอมแปร์
QML
กิโลโมล
ACR
เอเคอร์
L
ลิตร
QT
ควอรท,หน่วยวัดขนาดของเหลว US
AU
หน่วยนับกิจกรรม
LB
US ปอนด์
RF
มิลลิฟาเรด
BAG
ถุง
LHK
ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
RHO
กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
BK
เล่ม
LMI
ลิตร/นาที
RM
รีม
BPH
แกลลอนต่อชั่วโมง (US)
LMS
ลิตร/โมลวินาที
ROL
Roll (ม้วน)
BT.
ขวด
LPH
ลิตรต่อชั่วโมง
R-U
นาโนฟาเรด
C3S
ลูกบาศก์เซนติเมตร/วินาที
LT
Kilotonne
SHE
ผืน
CAB
ตู้
M
เมตร
SHT
แผ่น
CAN
กระป๋อง
M/L
โมลต่อลิตร
ST
ชุด
CAR
คัน
M/M
โมลต่อลูกบาศก์เมตร
STK
ท่อน
CCM
ลูกบาศก์เซนติเมตร
M/S
เมตร/วินาที
SYS
ระบบ
CD3
ลูกบาศก์เดซิเมตร
M2
ตารางเมตร
T
หลักพัน
CL
เซนติลิตร
M-2
1 / ตารางเมตร
TM
ครั้ง
CM
เซนติเมตร
M2S
ตารางเมตร/วินาที
TO
ตัน
CM2
ตารางเซนติเมตร
M3
ลูกบาศก์เมตร
TOM
ตัน/ลูกบาศก์เมตร
CMS
เซนติเมตร/วินาที
M3H
ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
TON
US ตัน
CRT
กล่อง
M3S
ลูกบาศก์เมตร/วินาที
TUB
ท่อ
CT
คาร์ตัน
MAC
เครื่อง
U1
แท่ง
CUP
ถ้วย
MD
มัด
U10
ขด
CV
หีบ
MEJ
เมกะจูล
U11
โคม
DAY
วัน
MG
มิลลิกรัม
U12
คิว
DEG
องศา
MGL
มิลลิกรัม/ลิตร
U13
ปี๊บ
DM
เดซิเมตร
MGO
เมกะโอมห์
U14
ซอง
DR
ถัง
MGQ
มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร
U15
ดวง
DZ
โหล
MH
เมตร/ชั่วโมง
U16
ดอก
EA
ชิ้น
MHV
เมกะโวลต์
U17
แผง
EML
หน่วยเอมไซน์/มิลลิลิตร
MI
ไมล์
U18
ตลับ
EU
หน่วยเอมไซน์
MI2
ตารางไมล์
U19
เที่ยว
FIL
แฟ้ม
MIN
นาที
U2
ตัว
FOZ
ออนซ์หน่วยวัดของเหลว US
MIS
ไมโครวินาที
U20
นัด
FT
ฟุต
ML
มิลลิลิตร
U21
แท่น
FT2
ตารางฟุต
MLI
Milliliter act. ingr.
U22
บาน
FT3
ลูกบาศก์ฟุต
MM
มิลลิเมตร
U23
ใบ
FYR
กิกะจูล
MM2
ตารางมิลลิเมตร
U24
ภาพ/รูป
G
กรัม
MM3
ลูกบาศก์มิลลิเมตร
U25
เรือน
GA
US แกลลอน
MN
เมกะนิวตัน
U26
ล้อ
GAU
กรัมทองคำ
MNM
มิลลินิวตัน/เมตร
U27
ลัง
GL
gram act.ingrd / liter
MPG
ไมล์ต่อแกลลอน (US)
U28
วง
GLI
กรัม/ลิตร
MPL
มิลิโมลต่อลิตร
U29
เส้น
GM
กรัมต่อโมล
MPS
มิลลิปาสคาลวินาที
U3
ลูก
GM2
กรัม/ตารางเมตร
MS
พิโควินาที
U30
หลอด
GM3
กรัมต่อลูกบาศก์เมตร
MS2
เมตร/วินาทีกำลังสอง
U31
หลัง
GOH
กิกะโอห์ม
MSC
ไมโครซเมนส์ต่อเซนติเมตร
U32
เม็ด
GPM
แกลลอนต่อไมล์ (US)
MSE
มิลลิวินาที
U33
ไมโครแอมแปร์
GRO
ตัวใหญ่
MTH
เดือน
U34
ไมโครฟาเรด
GRP
กลุ่ม
MWH
เมกะวัตต์ ชั่วโมง
U35
ไมโครเมตร
H
ชั่วโมง
NA
นาโนแอมแปร์
U36
ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
HA
เฮกตาร์
NAM
นาโนเมตร
U37
ไมโครลิตร
HL
เฮกโตลิตร
NG
Gram act. ingrd.
U4
กระสอบ
HR.
ชั่วโมง
NI
กิโลนิวตัน
U40
ไมโครกรัม/ลิตร
IB
พิโคฟาเรด
NM
นิวตัน/เมตร
U5
กรง
JKG
จูล/กิโลกรัม
NMM
นิวตัน/ตารางมิลลิเมตร
U6
กรอบ
JMO
จูล/โมล
NS
นาโนวินาที
U7
กระถาง
JOB
งาน
OC
ออนซ์
U8
กระบอก
KAI
Kilogram act. ingrd.
P
จุด
U9
ก้อน
KD3
กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร
PAA
คู่
UNT
หน่วย
KG
กิโลกรัม
PAC
แพค/ห่อ
VAL
วัสดุที่คิดมูลค่าเท่านั้น
KGM
กิโลกรัม/โมล
PAL
แพลเลต
VAM
โวลต์แอมแปร์
KGS
กิโลกรัมต่อวินาที
PAS
ปาสคาลวินาที
WKS
สัปดาห์
KIK
kg act.ingrd. / kg
PC.
เมกะโวลต์แอมแปร์
Y
ปี
KJK
กิโลจูล/กิโลกรัม
PGL
กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
YD
หลา
KJM
กิโลจูล/โมล
PMI
หนึ่ง/นาที
YD2
ตารางหลา
KM
กิโลเมตร
PPB
อัตราส่วนพันล้าน
YD3
ลูกบาศก์หลา
KM2
ตารางกิโลเมตร
PPM
อัตราส่วนล้าน

หมายเหตุ:  เรียงลำดับตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ